1. การขับรถขณะฝนตก ข้อใดที่ผู้ขับขี่ไม่ควรปฏิบัติ
1. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
2. เปิดที่ปัดน้ำฝน
3. ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
4. ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ
2. เมื่อเกิดรถเสีย ควรปฏิบัติอย่างไร
1. จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
2. นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
3. เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
4. นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน
3. สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีใด ที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ
1. สีแดง
2. สีเขียว
3. สีเหลือง
4. สีฟ้า
4. การจับพวงมาลัยนิ้วมือควรอยู่ในลักษณะใด
1. นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
2. นิ้วมือทั้งห้า กำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
3. นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
4. ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว
5. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆออกตัวเร่งความเร็วใหม่
2. ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
3. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
4. ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป
6. ขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ถ้าเครื่องยนต์ดับควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และ ติดเครื่องใหม่
2. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และ ติดเครื่องใหม่
3. เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
4. ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ
7. ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรปฎิบัติอย่างไร
1. ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
2. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
3. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
4. ตั้งสติ จอดรถข้างทาง
8. เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนควบสิ่งใดของรถก่อนเป็นลำดับแรก
1. ที่ปัดน้ำฝน
2. น้ำในหม้อน้ำ
3. น้ำกลั่นแบตเตอรี่
4. ตรวจเช็คประตูหน้าต่างรถ
9. ข้อใดเปิดไฟหน้ารถไม่ถูกต้อง
1. เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
2. เมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน
3. เมื่อฝนตกหนัก
4. เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน
10. ในขณะที่ขับรถอยู่ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับต่อไปเรื่อย ๆ
2. ลดความเร็วลงแล้วขับต่อไป
3. หยุดรถทันทีกลางถนนห้ามเคลื่อนย้าย
4. จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค
11. การหยุดรถบนทางลาดชัน ควรปฏิบัติตามลำดับอย่างไรจึงจะปลอดภัย
1. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
2. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง
3. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ
4. เหยียบเบรกแล้วดึงเบรกมือ
12. การหมุนพวงมาลัยรถ ขณะจอดรถอยู่กับที่จะมีผลอย่างไร
1. ทำให้หมุนพวงมาลัยง่ายขึ้น
2. ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
3. สิ้นเปลืองน้ำมันเพาเวอร์
4. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
13. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรกแรง ๆโดยไม่ต้องถอนเบรก
2. เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
3. เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
4. เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำ ๆ)
14. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) จะมีผลอย่างไร
1. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
2. ล้อจะล็อค และรถจะหมุน
3. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
4. ล้อจะล็อค และรถจะหยุดทันที
15. ขณะขับรถยางรถแตก จะมีอาการอย่างไร
1. พวงมาลัยรถจะไร้น้ำหนัก
2. พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง
3. รถหยุดกะทันหัน
4. เบรกจะไม่ทำงาน
16. ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
2. รีบเหยียบเบรกให้เร็วที่สุด
3. หมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเข้าข้างทาง
4. ปลดเกียร์ว่างแล้วรีบเหยียบเบรก
17. ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
2. หักเลี้ยวรถเข้าข้างทางทันที เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
3. เบรกกะทันหัน
4. เหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อฝากระโปรงจะได้กระแทกปิด
18. ข้อใดเป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร
1. หาผ้าหนา ๆ มาตบ
2. ตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน
3. วิ่งหาน้ำมันมาราด
4. ใช้ทรายสาดใส่
19. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลอย่างไร
1. ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
2. ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
3. บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้คลัทช์
และเบรกได้
4. ทำให้เบรกรถสะดวก
20. การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ ควรตรวจสอบอย่างไร
1. กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค
2. ดูว่าเป็นของใหม่หรือไม่
3. ดูว่าเข็มขัดมียี่ห้อหรือไม่
4. ต้องมีสีเข้ม ๆ
21. ถ้ารถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก
1. รีบเข้าเกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็ว
2. ค่อย ๆ เหยียบแป้นคลัทช์
3. หมุนพวงมาลัยไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
4. ลดความเร็วจับพวงมาลัยให้มั่น
22. การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะใด
1. หันเข้าหาขอบทาง
2. อยู่อย่างไรก็ได้
3. ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
4. หันออกจากขอบทาง
23. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่งมีผลเสียอย่างไร
1. ไม่มีผลต่อส่วนใดของรถ
2. เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
3. ทำให้น้ำมันเกียร์หมดเร็ว
4. เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง
24. การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด
1. ถอยช้า ๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
2. ถอยแบบไหนก็ได้
3. ถอยเหมือนกับเดินหน้า
4. ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ
25. ข้อใดเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง
1. ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง -ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
2. ปลดเกียร์ว่าง-ขึ้นเบรกมือ-สตาร์ทเครื่องยนต์
3. เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
4. ปลดเบรกมือ-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์
26. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. จอดรถทันที
2. เปิดไฟหน้าเร่งความเร็วผ่านบริเวณที่ฝนตกหนัก
3. เร่งความเร็วให้ผ่านบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว
4. จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน
27. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือขวาและซ้ายของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งลักษณะใดของหน้าปัดนาฬิกา
1. ตำแหน่งเลข 2 และเลข 10
2. ตำแหน่งเลข 4 และเลข 10
3. ตำแหน่งเลข 3 และเลข 10
4. ตำแหน่งเลข 6 และเลข 10
28. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดที่ปัดน้ำฝน
2. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
3. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
4. ลดความเร็วของรถ
29. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดที่ปัดน้ำฝน
2. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
3. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
4. ลดความเร็วของรถ
30. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
2. เปิดที่ปัดน้ำฝน
3. ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
4. ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ
2. เมื่อเกิดรถเสีย ควรปฏิบัติอย่างไร
1. จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
2. นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
3. เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
4. นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน
3. สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีใด ที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ
1. สีแดง
2. สีเขียว
3. สีเหลือง
4. สีฟ้า
4. การจับพวงมาลัยนิ้วมือควรอยู่ในลักษณะใด
1. นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
2. นิ้วมือทั้งห้า กำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
3. นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
4. ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว
5. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆออกตัวเร่งความเร็วใหม่
2. ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
3. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
4. ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป
6. ขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ถ้าเครื่องยนต์ดับควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และ ติดเครื่องใหม่
2. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และ ติดเครื่องใหม่
3. เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
4. ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ
7. ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรปฎิบัติอย่างไร
1. ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
2. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
3. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
4. ตั้งสติ จอดรถข้างทาง
8. เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนควบสิ่งใดของรถก่อนเป็นลำดับแรก
1. ที่ปัดน้ำฝน
2. น้ำในหม้อน้ำ
3. น้ำกลั่นแบตเตอรี่
4. ตรวจเช็คประตูหน้าต่างรถ
9. ข้อใดเปิดไฟหน้ารถไม่ถูกต้อง
1. เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
2. เมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน
3. เมื่อฝนตกหนัก
4. เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน
10. ในขณะที่ขับรถอยู่ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับต่อไปเรื่อย ๆ
2. ลดความเร็วลงแล้วขับต่อไป
3. หยุดรถทันทีกลางถนนห้ามเคลื่อนย้าย
4. จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค
11. การหยุดรถบนทางลาดชัน ควรปฏิบัติตามลำดับอย่างไรจึงจะปลอดภัย
1. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
2. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง
3. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ
4. เหยียบเบรกแล้วดึงเบรกมือ
12. การหมุนพวงมาลัยรถ ขณะจอดรถอยู่กับที่จะมีผลอย่างไร
1. ทำให้หมุนพวงมาลัยง่ายขึ้น
2. ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
3. สิ้นเปลืองน้ำมันเพาเวอร์
4. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
13. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรกแรง ๆโดยไม่ต้องถอนเบรก
2. เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
3. เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
4. เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำ ๆ)
14. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) จะมีผลอย่างไร
1. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
2. ล้อจะล็อค และรถจะหมุน
3. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
4. ล้อจะล็อค และรถจะหยุดทันที
15. ขณะขับรถยางรถแตก จะมีอาการอย่างไร
1. พวงมาลัยรถจะไร้น้ำหนัก
2. พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง
3. รถหยุดกะทันหัน
4. เบรกจะไม่ทำงาน
16. ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
2. รีบเหยียบเบรกให้เร็วที่สุด
3. หมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเข้าข้างทาง
4. ปลดเกียร์ว่างแล้วรีบเหยียบเบรก
17. ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
2. หักเลี้ยวรถเข้าข้างทางทันที เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
3. เบรกกะทันหัน
4. เหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อฝากระโปรงจะได้กระแทกปิด
18. ข้อใดเป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร
1. หาผ้าหนา ๆ มาตบ
2. ตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน
3. วิ่งหาน้ำมันมาราด
4. ใช้ทรายสาดใส่
19. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลอย่างไร
1. ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
2. ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
3. บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้คลัทช์
และเบรกได้
4. ทำให้เบรกรถสะดวก
20. การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ ควรตรวจสอบอย่างไร
1. กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค
2. ดูว่าเป็นของใหม่หรือไม่
3. ดูว่าเข็มขัดมียี่ห้อหรือไม่
4. ต้องมีสีเข้ม ๆ
21. ถ้ารถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก
1. รีบเข้าเกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็ว
2. ค่อย ๆ เหยียบแป้นคลัทช์
3. หมุนพวงมาลัยไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
4. ลดความเร็วจับพวงมาลัยให้มั่น
22. การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะใด
1. หันเข้าหาขอบทาง
2. อยู่อย่างไรก็ได้
3. ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
4. หันออกจากขอบทาง
23. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่งมีผลเสียอย่างไร
1. ไม่มีผลต่อส่วนใดของรถ
2. เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
3. ทำให้น้ำมันเกียร์หมดเร็ว
4. เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง
24. การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด
1. ถอยช้า ๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
2. ถอยแบบไหนก็ได้
3. ถอยเหมือนกับเดินหน้า
4. ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ
25. ข้อใดเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง
1. ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง -ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
2. ปลดเกียร์ว่าง-ขึ้นเบรกมือ-สตาร์ทเครื่องยนต์
3. เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
4. ปลดเบรกมือ-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์
26. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. จอดรถทันที
2. เปิดไฟหน้าเร่งความเร็วผ่านบริเวณที่ฝนตกหนัก
3. เร่งความเร็วให้ผ่านบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว
4. จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน
27. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือขวาและซ้ายของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งลักษณะใดของหน้าปัดนาฬิกา
1. ตำแหน่งเลข 2 และเลข 10
2. ตำแหน่งเลข 4 และเลข 10
3. ตำแหน่งเลข 3 และเลข 10
4. ตำแหน่งเลข 6 และเลข 10
28. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดที่ปัดน้ำฝน
2. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
3. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
4. ลดความเร็วของรถ
29. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดที่ปัดน้ำฝน
2. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
3. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
4. ลดความเร็วของรถ
30. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. ลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังทุกครั้งก่อนถึงทางแยก
2. ระวังรถด้านซ้ายเพราะอยู่ใกล้ช่องทางของเรา
3. ระวังรถทางขวาเพียงอย่างเดียว และขับต่อไป
4. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
2. ระวังรถด้านซ้ายเพราะอยู่ใกล้ช่องทางของเรา
3. ระวังรถทางขวาเพียงอย่างเดียว และขับต่อไป
4. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
1. ชะลอรถและให้รถทางขวามือขับผ่านไปก่อน
2. ขับรถต่อไปได้เลยเพราะเราคือทางเอก
3. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
4. เร่งเครื่องยนต์เพื่อขับผ่านไปก่อน
2. ขับรถต่อไปได้เลยเพราะเราคือทางเอก
3. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
4. เร่งเครื่องยนต์เพื่อขับผ่านไปก่อน
32. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. หยุดรถให้ห่างเพื่อความปลอดภัย
2. ขับไปในช่องทางขวาเพื่อเลี้ยวได้เลย
3. เลี้ยวพร้อมกับรถคันหน้าได้ทันที
4. ชะลอรถเนื่องจากรถคันหน้าจะเลี้ยวซ้าย
33. จากรูป หากท่านพบเห็นสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. เร่งความเร็วและขับผ่านไป
2. บีบแตรและขับผ่านไป
3. ค่อย ๆ เหยียบเบรกย้ำ ๆ เพื่อเตือนรถข้างหลังระวังและเตรียมหยุด
4. เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถทันที
34. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. ลดความเร็ว และระมัดระวังรถด้านซ้าย รวมทั้งคนเดิมข้ามถนน
2. เลี้ยวซ้ายได้ทันที
3. เร่งความเร็วเพื่อให้สามารถเลี้ยวได้เร็ว
4. บีบแตรก่อนทำการเลี้ยวรถ
35. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
2. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
3. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
4. เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนรถด้านหลัง
36. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. ควรเลี้ยวให้ทันเนื่องจากมีรถคันใหญ่ขวางรถฝั่งตรงข้าม
2. เร่งความเร็วเพื่อเลี้ยวขวาทันที
3. หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและให้รถด้านตรงข้ามผ่านไปก่อน
4. ขับรถไปในช่องทางด้านขวาเพื่อทำการเลี้ยว
37. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
2. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
3. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
4. ขับรถออกในช่องทางขวาเพื่อทำการเลี้ยว
38. จากรูป หากท่านต้องการขับตรงไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
1. บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว
2. ขับต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม
3. ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา
4. เปิดไฟฉุกเฉินและขับผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
39. จากรูป รถคันใดอยู่ในจุดบอดของรถคันสีขาว
40. ด้วยสาเหตุใด ผู้ขับขี่จะต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้างก่อนทำการเปลี่ยนช่องจราจร
1. จะทำให้สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้รวดเร็วมากขึ้น
2. เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา
3. เพื่อเปลี่ยนช่องจราจรในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
4. เพื่อให้สามารถเห็นผู้คนที่เดินอยู่บริเวณทางเดินเท้า
41. ข้อใดคือความหมายที่ถูกต้องของจุดบอด
1. บริเวณด้านหลังของรถที่กระจกมองหลังจับภาพไม่ได้
2. บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ
3. บริเวณด้านหน้าของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
4. บริเวณด้านซ้ายของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
42. ถ้าเครื่องดับขณะกำลังเคลื่อนที่ออกจากทางลาดชัน ท่านควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก
1. ทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล
2. เปลี่ยนไปเข้าเกียร์ว่าง
3. ติดเครื่องใหม่
4. เปิดไฟฉุกเฉิน
43. การขับขี่ขึ้นหรือลงทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ใด
1. เกียร์ต่ำ
2. เกียร์สูง
3. เกียร์ว่าง
4. เกียร์ใดก็ได้
44. ในการขับขี่ลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเนื่องจากสาเหตุใด
1. เพื่อเพิ่มกำลังของรถ
2. เพื่อหน่วงความเร็วของรถ
3. เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์
4. เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ
45. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชัน
1. จะทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
2. จะทำให้เปลืองน้ำมัน
3. จะทำให้ผ้าเบรกไหม้
4. จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า
46. ในการขับขี่ลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
2. เปิดไฟฉุกเฉิน
3. ขับรถด้วยความเร็วมากขึ้น
4. ขับรถด้วยความเร็วปกติ
47. เหตุใดขณะขับรถลุยน้ำจึงต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อย
1. เพื่อให้รถมีความเร็วคงที่
2. เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อน
3. เพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น
4. เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
48. ท่านควรปฏิบัติอย่างไรขณะขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม
1. ขับช้า ๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
2. พยายามไม่ใช้เบรกโดยเด็ดขาด
3. พยายามขับจี้ท้ายรถคันหน้าตลอดเวลา
4. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา
49. หลังจากขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ท่านควรทดสอบระบบใดต่อไปนี้
1. ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
2. ระบบไฟฟ้า
3. ระบบเบรก
4. ระบบช่วงล่าง
50. ข้อใดต่อไปนี้คือประโยชน์สูงสุดของการชะลอรถด้วยเครื่องยนต์ในขณะลงทางลาดชัน
1. ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย
2. ลดการสึกหรอของผ้าเบรก
3. ช่วยประหยัดน้ำมัน
4. เพิ่มการทรงตัวของรถ
51. เพราะเหตุใดรถจึงลื่นไถลได้ง่ายขณะฝนตกใหม่ ๆ
1. น้ำฝนทำให้ถนนชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ
2. น้ำฝนจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน
3. ถนนคอนกรีตดูดซับน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
4. พื้นถนนปรับอุณหภูมิเร็วเกินไป
52. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติเมื่อขับขี่ในขณะฝนตกหนัก
1. ขับรถเร็วและกระแทกเบรกรถอย่างรุนแรง
2. ขับด้วยความเร็วต่ำ
3. เปิดไฟหน้ารถ
4. หยุดรถรอบนถนน
53. ข้อใดต่อไปนี้ปฏิบัติได้ถูกต้องสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน
1. เปิดไฟสูงตลอดเวลาขณะขับขี่
2. ขับให้ช้ากว่าปกติหรือไม่เร็วกว่าสายตาที่มองเห็น
3. ขับให้เร็วได้ตามปกติ
4. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลาขณะขับขี่
54. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติสิ่งใดเป็นอันดับแรก
1. แจ้งกู้ภัย
2. แจ้งตำรวจ
3. แจ้งประกันภัยรถยนต์
4. ให้สัญญาณเพื่อเตือนให้รถอื่นทราบ
55. หากมีผู้บาดเจ็บหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ท่านควรปฏิบัติอย่างไรหากตัวท่านมิได้รับบาดเจ็บ
1. ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
2. ไม่ต้องสนใจหากผู้บาดเจ็บไม่ใช่คนที่ท่านรู้จัก
3. แจ้งตำรวจที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
4. รีบแจ้งหน่วยกู้ภัยให้เร็วที่สุด
56. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการขับขี่อย่างประหยัดน้ำมัน
1. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากวิ่งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
2. รถจะประหยัดน้ำมันหากขับด้วยความเร็วคงที่
3. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากเร่งเครื่องบ่อยครั้ง
4. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่คงที่
57. หากกำลังขับขี่รถอยู่บนถนน แล้วฝนเริ่มตก ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ลดความเร็วของรถลง
2. เร่งความเร็วของรถเพื่อให้ผ่านฝนไปให้เร็ว
3. เปิดไฟฉุกเฉินและรีบขับผ่านบริเวณนั้นไป
4. หยุดรถข้างทางทันที
58. เมื่อขับรถในเวลากลางคืน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ทิ้งระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ
2. เปิดไฟฉุกเฉินขณะทำการแซงรถคันหน้า
3. พยายามขับรถเข้าไปให้ใกล้กับรถคันหน้าเพื่อให้รถคันหน้าเห็นรถเราได้ชัดเจน
4. ใช้ไฟสูงตลอดทางของการขับรถ
59. ก่อนการขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก่อนการเดินทาง
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
3. รับประทานอาหารก่อนการเดินทาง
4. หาเพื่อนนั่งไปด้วยขณะเดินทาง
60. จากสถานการณ์ดังรูป หากต้องการจะเคลื่อนที่ต่อไป ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก
1. ชะลอความเร็วลง ขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
2. รีบเร่งความเร็วเพื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว
3. ไม่ต้องทำอะไร เพราะโอกาสที่จะเกิดยาก
4. หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
63. เมื่อพบว่าไฟไหม้เครื่องยนต์ขณะขับรถ ผู้ขับรถควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับรถลงแม่น้ำข้างทาง
2. จอดและสละรถทันที
3. ตั้งสติ ค่อย ๆ ขับรถจอดข้างทาง
4. แจ้งกู้ภัยทางหลวง
64. สิ่งใดต่อไปนี้มีผลทำให้รถเปลืองน้ำมัน
1. ดอกยางสึกหรอ
2. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
3. ระยะการปรับเบรกปกติ
4. บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด
65. ปัจจัยใดต่อไปนี้มีผลต่อการเกิดสถานการณ์อันตรายมากที่สุด
1. ความไม่พร้อมของคนขับ
2. ลักษณะทางภูมิศาสตร์
3. การเคลื่อนที่ของรถ หรือคนเดินเท้า
4. สภาพผิวจราจร
66. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย
1. หากง่วงนอนมากควรขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ตื่นตัว
2. การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในขณะฝนตกควรมากกว่าการขับรถในสภาวะปกติ
3. ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง
4. ควรขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อถึงที่หมายเร็วขึ้น
67. จากรูป หากท่านต้องการแซงรถข้างหน้าแล้วกลับช่องทางเดินรถด้านซ้าย ท่านจะต้องให้สัญญาณไฟอย่างไร
2. รีบเร่งความเร็วเพื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว
3. ไม่ต้องทำอะไร เพราะโอกาสที่จะเกิดยาก
4. หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
63. เมื่อพบว่าไฟไหม้เครื่องยนต์ขณะขับรถ ผู้ขับรถควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับรถลงแม่น้ำข้างทาง
2. จอดและสละรถทันที
3. ตั้งสติ ค่อย ๆ ขับรถจอดข้างทาง
4. แจ้งกู้ภัยทางหลวง
64. สิ่งใดต่อไปนี้มีผลทำให้รถเปลืองน้ำมัน
1. ดอกยางสึกหรอ
2. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
3. ระยะการปรับเบรกปกติ
4. บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด
65. ปัจจัยใดต่อไปนี้มีผลต่อการเกิดสถานการณ์อันตรายมากที่สุด
1. ความไม่พร้อมของคนขับ
2. ลักษณะทางภูมิศาสตร์
3. การเคลื่อนที่ของรถ หรือคนเดินเท้า
4. สภาพผิวจราจร
66. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย
1. หากง่วงนอนมากควรขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ตื่นตัว
2. การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในขณะฝนตกควรมากกว่าการขับรถในสภาวะปกติ
3. ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง
4. ควรขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อถึงที่หมายเร็วขึ้น
67. จากรูป หากท่านต้องการแซงรถข้างหน้าแล้วกลับช่องทางเดินรถด้านซ้าย ท่านจะต้องให้สัญญาณไฟอย่างไร
1. ตรวจสอบความปลอดภัยแล้วเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนแซง
2. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
3. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนและตามด้วยสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
4. ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟหากรถคันหน้าขับด้วยความเร็วต่ำ
68. สถานการณ์ใดใช้ไฟฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม
1. เปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่หมอกลงจัด
2. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อกำลังจะเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
3. เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าตนจะวิ่งตรงไป
4. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง
69. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) จะมีผลอย่างไร
1. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
2. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
3. ล้อจะล็อกและรถอาจจะหมุน
4. ล้อจะล็อกและรถจะหยุดทันที
70. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ
2. เหยียบเบรกแรง ๆ
3. เหยียบเบรกเท้าสลับกับดึงเบรกมือ
4. เหยียบเบรกเท้าและดึงเบรกมือพร้อมกัน
71. ข้อใดปฏิบัติไม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน
1. หักพวงมาลัยหลบเมื่อจำเป็นต้องหลบการปะทะด้านหน้า
2. มือทั้งสองข้างต้องจับอยู่ที่พวงมาลัย
3. ใช้เบรกมือช่วย
4. หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแทกเบรกสำหรับเบรกที่ไม่ใช่ระบบเบรก ABS
72. การจอดรถลักษณะใดที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
1. จอดรถซ้อนคัน
2. จอดรถชิดขอบทางด้านซ้าย
3. จอดรถในลานจอดรถ
4. จอดรถภายในอาคารจอดรถ
73. รูปใดต่อไปนี้ ห้ามจอด
2. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
3. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนและตามด้วยสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
4. ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟหากรถคันหน้าขับด้วยความเร็วต่ำ
68. สถานการณ์ใดใช้ไฟฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม
1. เปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่หมอกลงจัด
2. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อกำลังจะเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
3. เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าตนจะวิ่งตรงไป
4. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง
69. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) จะมีผลอย่างไร
1. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
2. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
3. ล้อจะล็อกและรถอาจจะหมุน
4. ล้อจะล็อกและรถจะหยุดทันที
70. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ
2. เหยียบเบรกแรง ๆ
3. เหยียบเบรกเท้าสลับกับดึงเบรกมือ
4. เหยียบเบรกเท้าและดึงเบรกมือพร้อมกัน
71. ข้อใดปฏิบัติไม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน
1. หักพวงมาลัยหลบเมื่อจำเป็นต้องหลบการปะทะด้านหน้า
2. มือทั้งสองข้างต้องจับอยู่ที่พวงมาลัย
3. ใช้เบรกมือช่วย
4. หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแทกเบรกสำหรับเบรกที่ไม่ใช่ระบบเบรก ABS
72. การจอดรถลักษณะใดที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
1. จอดรถซ้อนคัน
2. จอดรถชิดขอบทางด้านซ้าย
3. จอดรถในลานจอดรถ
4. จอดรถภายในอาคารจอดรถ
73. รูปใดต่อไปนี้ ห้ามจอด
1. รูป 1. และรูป 2.
2. รูป 2. และรูป 3.
3. รูป 1. และรูป 3.
4. ทั้งรูป 1. 2. และ 3.
74. หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการที่จะเคลื่อนตัวออก ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. มองดูรถที่ตามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา
2. เปิดสัญญาณไฟเพื่อเตือนให้รถคันที่ตามมาชะลอความเร็วลง
3. ไม่จำเป็นต้องหันมองดูรถที่จอดอยู่ข้างหน้า มองแค่รถที่ตามมาก็พอ
4. ให้สัญญาณมือเพื่อขอทาง
75. เมื่อฝนเริ่มตกหนักในขณะที่ท่านขับรถอยู่ในเขตที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
2. ชะลอความเร็วลง
3. ขับรถเข้าข้างทางและรอจนกว่าฝนจะหยุดตก
4. เร่งความเร็ว
76. สาเหตุใดต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการชนท้าย
1. คนข้ามถนนตัดหน้า
2. สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน
3. ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป
4. การหยุดรถทุก ๆ แยก
77. การขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากเกินไป จะเกิดผลเสียอย่างไรกับสภาพการจราจร
1. การจราจรคล่องตัวมากขึ้น
2. จะขับรถด้วยความปลอดภัยมากขึ้น
3. ลดอุบัติเหตุ
4. เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
78. เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเป็นระยะเท่าใด
1. ระยะห่างที่เหมาะสมกับความเร็วของรถ
2. 2 เมตร
3. 3 เมตร
4. ไม่น้อยกว่า 4 เมตร
79. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้องในการขับขี่
1. เมื่อรถคันหลังขับตามมาในระยะกระชั้นชิด ควรเพิ่มความเร็ว
2. น้ำหนักและความเร็วของตัวรถมีผลต่อระยะทางในการหยุดรถ
3. ระยะปลอดภัยของรถใหญ่จะต้องมีมากกว่าระยะปลอดภัยของรถยนต์
4. เมื่อระยะห่างกับรถคันหน้าน้อยเกินไป ควรลดความเร็ว
80. การเปลี่ยนช่องทางจราจร ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เปลี่ยนช่องจราจรเมื่อใดก็ได้
2. มองกระจกข้าง ให้สัญญาณแล้วเปลี่ยนช่องจราจรเมื่อเห็นว่าปลอดภัย
3. เปลี่ยนช่องจราจรโดยเร็วเพื่อหลบรถคันอื่น
4. ให้สัญญาณมือและสัญญาณไฟแล้วเปลี่ยนช่องจราจรได้เลย
81. หากท่านเห็นรถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายแต่กำลังเคลื่อนไปทางขวา ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
2. รูป 2. และรูป 3.
3. รูป 1. และรูป 3.
4. ทั้งรูป 1. 2. และ 3.
74. หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการที่จะเคลื่อนตัวออก ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. มองดูรถที่ตามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา
2. เปิดสัญญาณไฟเพื่อเตือนให้รถคันที่ตามมาชะลอความเร็วลง
3. ไม่จำเป็นต้องหันมองดูรถที่จอดอยู่ข้างหน้า มองแค่รถที่ตามมาก็พอ
4. ให้สัญญาณมือเพื่อขอทาง
75. เมื่อฝนเริ่มตกหนักในขณะที่ท่านขับรถอยู่ในเขตที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
2. ชะลอความเร็วลง
3. ขับรถเข้าข้างทางและรอจนกว่าฝนจะหยุดตก
4. เร่งความเร็ว
76. สาเหตุใดต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการชนท้าย
1. คนข้ามถนนตัดหน้า
2. สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน
3. ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป
4. การหยุดรถทุก ๆ แยก
77. การขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากเกินไป จะเกิดผลเสียอย่างไรกับสภาพการจราจร
1. การจราจรคล่องตัวมากขึ้น
2. จะขับรถด้วยความปลอดภัยมากขึ้น
3. ลดอุบัติเหตุ
4. เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
78. เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเป็นระยะเท่าใด
1. ระยะห่างที่เหมาะสมกับความเร็วของรถ
2. 2 เมตร
3. 3 เมตร
4. ไม่น้อยกว่า 4 เมตร
79. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้องในการขับขี่
1. เมื่อรถคันหลังขับตามมาในระยะกระชั้นชิด ควรเพิ่มความเร็ว
2. น้ำหนักและความเร็วของตัวรถมีผลต่อระยะทางในการหยุดรถ
3. ระยะปลอดภัยของรถใหญ่จะต้องมีมากกว่าระยะปลอดภัยของรถยนต์
4. เมื่อระยะห่างกับรถคันหน้าน้อยเกินไป ควรลดความเร็ว
80. การเปลี่ยนช่องทางจราจร ควรปฏิบัติอย่างไร
1. เปลี่ยนช่องจราจรเมื่อใดก็ได้
2. มองกระจกข้าง ให้สัญญาณแล้วเปลี่ยนช่องจราจรเมื่อเห็นว่าปลอดภัย
3. เปลี่ยนช่องจราจรโดยเร็วเพื่อหลบรถคันอื่น
4. ให้สัญญาณมือและสัญญาณไฟแล้วเปลี่ยนช่องจราจรได้เลย
81. หากท่านเห็นรถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายแต่กำลังเคลื่อนไปทางขวา ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. รักษาระยะห่างไว้และรอให้รถใหญ่เคลื่อนไปในทิศทางที่แน่นอน
2. ขับเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อเตรียมแซง
3. ให้เข้าใจว่าผู้ขับขี่รถใหญ่นั้นเปิดสัญญาณไฟผิด
4. เตรียมแซงเมื่อรถใหญ่เริ่มชะลอความเร็ว
82. จากรูป รถคันสีน้ำเงิน หรือรถคันสีเขียว มีสิทธิที่จะได้ไปก่อน
2. ขับเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อเตรียมแซง
3. ให้เข้าใจว่าผู้ขับขี่รถใหญ่นั้นเปิดสัญญาณไฟผิด
4. เตรียมแซงเมื่อรถใหญ่เริ่มชะลอความเร็ว
82. จากรูป รถคันสีน้ำเงิน หรือรถคันสีเขียว มีสิทธิที่จะได้ไปก่อน
1. รูป 1.
2. รูป 2.
3. รูป 3.
4. รูป 1. และ รูป 3.
86. ข้อใดต่อไปนี้เป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง
1. ไม่แซงหากรถคันหน้ากำลังแซงอยู่
2. แซงขณะที่รถข้างหลังกำลังจะแซงรถของท่าน
3. ไม่แซงหากมีรถวิ่งสวนมาในระยะใกล้
4. แซงได้หากรถข้างหน้าของท่านเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและชะลอความเร็วลง
87. จากรูป หากรถที่ท่านกำลังจะแซงเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
2. รูป 2.
3. รูป 3.
4. รูป 1. และ รูป 3.
86. ข้อใดต่อไปนี้เป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง
1. ไม่แซงหากรถคันหน้ากำลังแซงอยู่
2. แซงขณะที่รถข้างหลังกำลังจะแซงรถของท่าน
3. ไม่แซงหากมีรถวิ่งสวนมาในระยะใกล้
4. แซงได้หากรถข้างหน้าของท่านเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและชะลอความเร็วลง
87. จากรูป หากรถที่ท่านกำลังจะแซงเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
1. ชะลอความเร็วและรอจนกว่ารถคันหน้าเลี้ยวผ่านไป
2. เพิ่มความเร็วของรถและแซงผ่านไป
3. ให้สัญญาณไฟสูงเพื่อบอกให้รู้ว่าจะแซงผ่านไปก่อน
4. ให้สัญญาณแตรเพื่อบอกให้รู้ว่าจะแซงผ่านไปก่อน
88. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการแซงรถคันหน้าที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกัน
1. ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงน้อยลง
2. ใช้ระยะทางมากขึ้น เวลาในการแซงเท่าเดิม
3. ใช้ระยะทางเท่าเดิม เวลาในการแซงมากขึ้น
4. ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขึ้น
89. ข้อใดเป็นการขับรถอย่างปลอดภัย
1. แซงรถคันข้างหน้าในขณะเข้าโค้ง
2. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้ทัน
3. แซงด้านซ้ายในถนน 2 ช่องจราจร เมื่อรถคันหน้าขับช้า
4. เปิดไฟสูงตลอดเวลาในการขับรถเวลากลางคืน
90. หากท่านขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ท่านรู้สึกว่าเร็วเกินไป ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. ชะลอความเร็วลงจนท่านคิดว่าปลอดภัย
2. ขับให้ใกล้เคียง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3. ออกจากเส้นทางนั้น
4. หยุดรถของท่านทันที
91. การขับขี่ในทางลักษณะใดที่ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยว
1. ทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
2. ทางบังคับเลี้ยว
3. ทางเลี้ยวซ้ายออกจากซอย
4. ทางกลับรถ
92. การเปิดไฟสูงในสถานการณ์ใดถูกต้อง
1. เปิดไฟสูงขณะที่ไม่มีรถสวนทาง
2. เปิดไฟสูงขณะฝนตกหนัก
3. เปิดไฟสูงเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ
4. เปิดไฟสูงเมื่อขับรถตามหลังคันหน้า
93. เมื่อรถของท่านเสียบริเวณกลางถนน ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. นำสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมมาไว้ท้ายรถของท่าน
2. จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
3. เปิดไฟฉุกเฉินและนำรถจอดเข้าข้างทาง
4. ก่อกองไฟข้างทางในกรณีที่รถท่านเสียเวลากลางคืน
94. ท่านควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินในกรณีใด
1. เมื่อรถของท่านเสีย
2. เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำขณะที่กำลังหลงทาง
3. เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำเนื่องจากฝนตกหนัก
4. เมื่อท่านต้องการขับผ่านสี่แยกไปในทิศทางตรง
95. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องสำหรับการเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินตลอดเวลา
1. ทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณไฟเลี้ยวได้
2. ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ขับเร็ว
3. ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นสับสนว่ารถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินกำลังเลี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง
4. ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นคิดว่าเป็นรถที่จอดนิ่งอยู่
96. การหยุดรถในสถานการณ์ใดจะใช้ระยะทางมากกว่าปกติ
1. ขณะฝนตก
2. ตอนกลางคืน
3. ขณะที่มีลมแรง
4. ขณะมีหมอก
97. สิ่งใดเป็นปัจจัยที่ทำให้การเบรกด้อยประสิทธิภาพ
1. การดูแลเอาใจใส่สภาพเครื่องยนต์และระบบช่วงล่าง
2. ความว่องไวในการตอบสนองของร่างกายดีเยี่ยม
3. การดื่มสุราก่อนขับรถ
4. การดูแลเอาใจใส่ลมยาง
98. หากท่านจอดรถในทางเดินรถหรือบนไหล่ทางในเวลากลางคืน ท่านต้องปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดไฟหรี่
2. เปิดไฟเลี้ยวซ้าย
3. เปิดไฟเลี้ยวขวา
4. เปิดไฟต่ำ
2. เพิ่มความเร็วของรถและแซงผ่านไป
3. ให้สัญญาณไฟสูงเพื่อบอกให้รู้ว่าจะแซงผ่านไปก่อน
4. ให้สัญญาณแตรเพื่อบอกให้รู้ว่าจะแซงผ่านไปก่อน
88. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการแซงรถคันหน้าที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกัน
1. ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงน้อยลง
2. ใช้ระยะทางมากขึ้น เวลาในการแซงเท่าเดิม
3. ใช้ระยะทางเท่าเดิม เวลาในการแซงมากขึ้น
4. ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขึ้น
89. ข้อใดเป็นการขับรถอย่างปลอดภัย
1. แซงรถคันข้างหน้าในขณะเข้าโค้ง
2. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้ทัน
3. แซงด้านซ้ายในถนน 2 ช่องจราจร เมื่อรถคันหน้าขับช้า
4. เปิดไฟสูงตลอดเวลาในการขับรถเวลากลางคืน
90. หากท่านขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ท่านรู้สึกว่าเร็วเกินไป ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. ชะลอความเร็วลงจนท่านคิดว่าปลอดภัย
2. ขับให้ใกล้เคียง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3. ออกจากเส้นทางนั้น
4. หยุดรถของท่านทันที
91. การขับขี่ในทางลักษณะใดที่ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยว
1. ทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
2. ทางบังคับเลี้ยว
3. ทางเลี้ยวซ้ายออกจากซอย
4. ทางกลับรถ
92. การเปิดไฟสูงในสถานการณ์ใดถูกต้อง
1. เปิดไฟสูงขณะที่ไม่มีรถสวนทาง
2. เปิดไฟสูงขณะฝนตกหนัก
3. เปิดไฟสูงเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ
4. เปิดไฟสูงเมื่อขับรถตามหลังคันหน้า
93. เมื่อรถของท่านเสียบริเวณกลางถนน ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. นำสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมมาไว้ท้ายรถของท่าน
2. จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
3. เปิดไฟฉุกเฉินและนำรถจอดเข้าข้างทาง
4. ก่อกองไฟข้างทางในกรณีที่รถท่านเสียเวลากลางคืน
94. ท่านควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินในกรณีใด
1. เมื่อรถของท่านเสีย
2. เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำขณะที่กำลังหลงทาง
3. เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำเนื่องจากฝนตกหนัก
4. เมื่อท่านต้องการขับผ่านสี่แยกไปในทิศทางตรง
95. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องสำหรับการเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินตลอดเวลา
1. ทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณไฟเลี้ยวได้
2. ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ขับเร็ว
3. ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นสับสนว่ารถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินกำลังเลี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง
4. ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นคิดว่าเป็นรถที่จอดนิ่งอยู่
96. การหยุดรถในสถานการณ์ใดจะใช้ระยะทางมากกว่าปกติ
1. ขณะฝนตก
2. ตอนกลางคืน
3. ขณะที่มีลมแรง
4. ขณะมีหมอก
97. สิ่งใดเป็นปัจจัยที่ทำให้การเบรกด้อยประสิทธิภาพ
1. การดูแลเอาใจใส่สภาพเครื่องยนต์และระบบช่วงล่าง
2. ความว่องไวในการตอบสนองของร่างกายดีเยี่ยม
3. การดื่มสุราก่อนขับรถ
4. การดูแลเอาใจใส่ลมยาง
98. หากท่านจอดรถในทางเดินรถหรือบนไหล่ทางในเวลากลางคืน ท่านต้องปฏิบัติอย่างไร
1. เปิดไฟหรี่
2. เปิดไฟเลี้ยวซ้าย
3. เปิดไฟเลี้ยวขวา
4. เปิดไฟต่ำ
99. จากรูป เมื่อท่านพบรถประจำทางเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อออกจากป้ายรถเมล์ ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. ขับแซงไปได้เลยโดยไม่ต้องสนใจรถที่สวนมา
2. หากท่านคิดว่าท่านขับได้เร็วกว่ารถที่สวนมาแล้ว จึงทำการแซงได้ทันที
3. หยุดรอให้รถที่ขับสวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยขับแซง
4. หากคิดว่าถนนมีความกว้างพอจึงแซงไปได้เลย
101. ท่านกำลังขับขี่ผ่านบริเวณที่มีรถจอดอยู่ข้างทาง แต่ท่านสังเกตเห็นลูกบอลกลิ้งออกมา ท่านควรปฏิบัติอย่างใด
2. หากท่านคิดว่าท่านขับได้เร็วกว่ารถที่สวนมาแล้ว จึงทำการแซงได้ทันที
3. หยุดรอให้รถที่ขับสวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยขับแซง
4. หากคิดว่าถนนมีความกว้างพอจึงแซงไปได้เลย
101. ท่านกำลังขับขี่ผ่านบริเวณที่มีรถจอดอยู่ข้างทาง แต่ท่านสังเกตเห็นลูกบอลกลิ้งออกมา ท่านควรปฏิบัติอย่างใด
1. รถคันหลังไม่สามารถแซงคันหน้าได้
2. รถคันหลังสามารถแซงได้หากไม่มีคนข้ามถนน
3. รถคันหลังสามารถแซงได้หากไม่มีรถสวนมา
4. รถคันหลังสามารถแซงได้หากไม่มีป้ายหยุดบนขอบทาง
103. เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
1. ขับต่อไปโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด
2. เร่งความเร็วผ่านไปทันที
3. ให้สัญญาณไฟสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
4. เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
104. เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
1. เร่งความเร็วผ่านไปทันที
2. เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
3. ให้สัญญาณไฟสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
4. ขับต่อไปโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด
105. ในการขับขี่ท่านควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมใดมากที่สุด
1. ขับขี่เร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. เปลี่ยนช่องจราจร
3. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่
4. แซงรถคันอื่น เมื่อเห็นว่าปลอดภัย
106. เมื่อท่านขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังแล้ว ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. หยุดรถ รอผ้าเบรกให้แห้ง
2. หยุดรถ ตรวจสอบยาง
3. ใช้เท้าแตะเบรกเพื่อให้ผ้าเบรกแห้งเร็ว
4. ขับรถให้เร็วขึ้นเพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง
107. การขับขี่ผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติอย่างไร
1. หากไม่มีสัญญาณไฟจราจร ให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
2. เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ
3. เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้เพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย
4. ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
108. จากรูปรถคันสีน้ำเงิน หรือรถคันสีเขียวมีสิทธิที่จะผ่านไปก่อน
2. รถคันหลังสามารถแซงได้หากไม่มีคนข้ามถนน
3. รถคันหลังสามารถแซงได้หากไม่มีรถสวนมา
4. รถคันหลังสามารถแซงได้หากไม่มีป้ายหยุดบนขอบทาง
103. เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
1. ขับต่อไปโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด
2. เร่งความเร็วผ่านไปทันที
3. ให้สัญญาณไฟสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
4. เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
104. เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
1. เร่งความเร็วผ่านไปทันที
2. เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
3. ให้สัญญาณไฟสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
4. ขับต่อไปโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด
105. ในการขับขี่ท่านควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมใดมากที่สุด
1. ขับขี่เร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. เปลี่ยนช่องจราจร
3. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่
4. แซงรถคันอื่น เมื่อเห็นว่าปลอดภัย
106. เมื่อท่านขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังแล้ว ท่านควรปฏิบัติอย่างไร
1. หยุดรถ รอผ้าเบรกให้แห้ง
2. หยุดรถ ตรวจสอบยาง
3. ใช้เท้าแตะเบรกเพื่อให้ผ้าเบรกแห้งเร็ว
4. ขับรถให้เร็วขึ้นเพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง
107. การขับขี่ผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติอย่างไร
1. หากไม่มีสัญญาณไฟจราจร ให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
2. เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ
3. เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้เพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย
4. ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
108. จากรูปรถคันสีน้ำเงิน หรือรถคันสีเขียวมีสิทธิที่จะผ่านไปก่อน
1. ให้รถคันสีเขียวไปก่อน
2. ให้รถคันสีน้ำเงินไปก่อน
3. รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมีความเร็วสูงกว่า
4. รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมาถึงก่อน
109. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวาที่ทางแยกรูปตัว T ท่านจะต้องปฏิบัติอย่างไร
2. ให้รถคันสีน้ำเงินไปก่อน
3. รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมีความเร็วสูงกว่า
4. รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมาถึงก่อน
109. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวาที่ทางแยกรูปตัว T ท่านจะต้องปฏิบัติอย่างไร
ข้อ5กับข้อ158คำถามเดียวกันแต่ตอบไม่เหมือนกัน
ตอบลบ5. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร
ตอบลบ1. เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆออกตัวเร่งความเร็วใหม่
2. ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
3. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
4. ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป
ข้อนี้น่าจะตอบ 3 นะ