วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

การสอบใบขับขี่

ทำไมเราต้องทำใบอนุญาติขับขี่



ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่าการมีใบอนุญาตขับขี่เป็นเหมือนเบิกทางบนท้องถนนและใช้รักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ขับขี่ เอง เช่น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน หากเราไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกิดกับคู่กรณีที่มีใบอนุญาตขับขี่ ยังไงเราก็ผิดถึงแม้เหตุที่เกิดเราจะถูก (แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถบนท้องถนน) ข้อนี้เจ็บ

               1. เพื่อใช้สิทธิที่การขับขี่ และประกันอย่างเต็มที่
               2. ใบขับขี่ที่ทำเราสามารถนำไปใช้ขับในกลุ่มประเทศอาเซียนได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต
                   ขับขี่ระหว่างประเทศ (Internation Driving Permit) 
                           - ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม
                           - ประเทศกัมพูชา
                           - ประเทศอินโดนีเซีย
                           - ประเทศลาว
                           - ประเทศมาเลเซีย
                           - ประเทศเมียนมาร์ (พม่า)
                           - ประเทศฟิลิปปินส์
                           - ประเทศสิงคโปร์
                           - ประเทศเวียดนาม
                           - ประเทศไทย
สำหรับชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนก็สามารถขอทำใบอนุญาตขับขี่ได้ โดยเครื่องที่ใช้สอบภาพทฤษฎี (ข้อเขียน) เครื่องจะมีให้เลือก 4 ภาษา คือ
                           - ภาษาไทย
                           - ภาษาอังกกฤษ
                           - ภาษาจีน
                           - ภาษาเกาหลี

อันนี้ใครถนัดภาษาไหนก็สามารถเลือกได้ตามใจครับ แต่ในบทความนี้มีเฉพาะภาษาไทยนะครับ ^^

ผู้ที่สามารถยืนขอใบอนุญาตขับขี่ได้
    - สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 110 ลูกบาศก์เซนติเมตร ต้องอายุ 15 ปีบริบูรณ์
    - สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว และรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดกระบอกสูบเกิน 110 ลูกบาศก์เซนติเมตร ต้องอายุ 18 ปีบริบูรณ์

คุณสมบัติของผู้ต้องการขอสอบใบขับขี่
               1. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
               2. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนไม่สามารถขับรถได้
               3. ต้องไม่มีโรคประจำตัวที่วิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าเป็นอันตรายต่อการขับขี่
               4. ไม่มีใบขับขี่รถชนิดเดียวกัน
               5. เป็นผู้ที่ไม่ถูกยึดหรือ เพิกถอนใบขับขี่
               6. มีความรู้ในการขับขี่และกฏระเบียบในการขับขี่

หลักฐานในการสอบใบขับขี่
        สำหรับคนไทยเอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบในการทำใบขับขี่มีแค่ 3 อย่าง คือ
               1. บัตรประชาชาตัวจริง
               2. สำเนาบัตรประชาชน
               3. ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
                    * หากท่านได้มีการเปลี่ยนชื่อให้นำ ใบเปลี่ยนชื่อพร้อม
        สำหรับชาวต่างชาติเอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบในการทำใบขับขี่มีแค่ 3 อย่าง คือ
               1. หนังสือเดินทาง (Passport)
               2. สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport Copy)
               3. ใบรับรองแพทย์ (Medical certificate)

ขั้นตอนการสอบใบขับขี่
               1. ตรวจสอบเอกสาร และ ยืนเอกสารและคำขอ
               2. ทดสอบร่างกาย
                          - ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
                          - ทดสอบสายตาทางลึก
                          - ทดสอบสายตาทางกว้าง
                          - ทดสอบปฎิกิริยาเท้า (ปฏิกิริยาการเบรค)
               3. อบรมไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
               4. ทดสอบข้อเขียนผ่านระบบ Electronic Examination (E-exam)
               5. ทดสอบการขับขี่ตามด่านต่าง ๆ
               6. ยืนเอกสารสอบ/ชำระค่าธรรมเนียม/ถ่ายรูปรับใบขับขี่

ขั้นตอนที่ 1 การจองคิวสอบใบอนุญาตขับขี่ และตรวจสอบเอกสาร และ ยืนเอกสารและคำขอ
          ผู้สอบใบอนุญาตขับขี่ควรไปจองคิวแต่เช้า สำหรับสำนักงานขนส่งที่มีผู้สอบจำนวนจำนวนมาก (เพราะเจ้าหน้าที่จะเลือกตามหมายเลขคิวที่ได้) ไม่มีการแซงคิวและไม่มีการจองคิวแบบออนไลน์ต้องไปรับคิวที่สำหรับสำนักงานขนส่งเท่านั้น เมื่อผู้สอบไปถึงสำนักงานขนส่งแล้วให้ไปขอรับ "แบบคำขออื่น ๆ" ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไปกรอกความประสงค์ให้เสร็จก่อน (ควรนำปากกาไปด้วยเพราะบางที่คนมาสอบเยอะมาก ๆ ไม่ต้องไปต่อคิวปากกาอีก) และเมื่อกรอกเสร็จแล้วก็นำแบบคำขออื่น ๆ พร้อมกับบัตรประชาชาตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน และบรับรองแพทย์แนบให้เรียบร้อยแล้วกลับมายืนให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อรับบัตรที่คิว แล้วเอาไปส่งเจ้าหน้าที่เรียกตรวจเอกสารอีกรอบ



ตัวอย่างแบบคำเนินการใบนุญาตขับรถ


(บางสำนักงานขนส่งไม่ต้องจองคิว เนื่องจากมีผู้เข้าใช้บริการน้อยสามารถไปใช้บริการได้เลย)

ขั้นตอนที่ 2 ทดสอบร่างกาย
                          - ทดสอบการมองเห็นสี (ทดสอบตาบอดสี) ที่จำเป็นในการขับรถ


แผ่นภาพการทดสอบการมองเห็นสี (ทดสอบตาบอดสี)

                          - ทดสอบสายตาทางลึก
                          - ทดสอบสายตาทางกว้าง
                          - ทดสอบปฎิกิริยาเท้า (ปฏิกิริยาการเบรค)

เมื่อผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายแล้วผู้สอบถึงจะมีสิทธิเข้ารับการอบรม

ขั้นตอนที่ 3 นั่งสั่งการอบรม
          เวลานี่ผมใช้ทบทวนความรู้ และอ่านสอบอีกหลาย ๆ รอบ

เมื่อฟังการอบรมจบแล้วต่อไปก็ถึงเวลาที่รอคอยการทดสอบข้อเขียน

ขั้นตอนที่ 4 ทดสอบข้อเขียนผ่านระบบ Electronic Examination (E-exam)
          ความรู้ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำข้อสอบ

"สามารถคลิ๊กเข้าไปอ่านได้ มีเฉลยให้เลยครับ"

                  1. กฎหมายว่าด้วยรถยนต์
                  2. กฏหมายว่าด้วยจราจรทางบก
                  3. เครื่องหมายพื้นทาง
                  4. ป้ายบังคับ (จะมีในข้อสอบเยอะมาก 8 - 10 ข้อ)
                  5. ป้ายเตือน (จะมีในข้อสอบเยอะมาก 8 - 10 ข้อ)
                  6. ป้ายแนะนำ (จะมีในข้อสอบเยอะมาก 8 - 10 ข้อ)
                  7. มารยาทและจิตสำนึก
                  8. เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย
                  9. การบำรุงรักษารถ
                10. รูปภาพจราจร
                11. การรับรู้สถานการณ์อันตราย

** นำแนะว่าถ้าใครมี iPad หรือ Tablet ช่วงที่นั่งฟังอบรมให้เปิดแนวข้อสอบนี้ทบทวนไปด้วยครับ**

ถ้าใครสนใจสามารถลองทดสอบความรู้ตัวเองสามารถเข้าไปที่

             ข้อสอบภาคทฤษฎีที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบกได้ที่นี้ครับ

                         กรมการขนส่งทางบก

                         ตัวอย่างข้อสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎี 50 ข้อ (ข้อสอบจริงที่ผมเคยสอบ)


        ** ทำใจให้สบายอย่าตื่นเต้นในการทำข้อตอบคุมสติให้อยู่ เพราะบางคนอาจจะมีอาการตื่นเต้น


เมื่อสอบข้อเขียนผ่านจะได้ใบคะแนนมา 1 แผ่นพร้อมลายเซนต์เจ้าหน้าที่ หมดเวลาการสอบวันแรก พรุ่งนี้กลับมาสออบการขับขี่

ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบการขับขี่ตามฐานต่าง ๆ

                          การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร

          และสอบอีก 3 ท่า คือ

                           ท่าที่ 1 การเดินหน้า
                           ท่าที่ 2 การถอยหลังเข้าจอด
                           ท่าที่ 3 จอดรถเทียบทางเท้า (หลายคนสอบตกก็ท่านี้)

           ** ลองเข้าไปชมคลิปที่แป๊ะไว้ในลิงค์นะครับ

เมื่อสอบผ่านหมดแล้ว


แบบคำเนินการใบนุญาตขับรถที่ได้ทำการทดสอบผ่านหมดแล้ว

ขั้นตอนที่ 6 ยืนเอกสารสอบ/ชำระค่าธรรมเนียม/ถ่ายรูปรับใบขับขี่
          เมื่อเสร็จจากขั้นตอนที่ 5 (ต้องผ่านการทดสอบทั้งหมด) นำเอกสารกลับมารับบัตรคิวและรอชำระค่าธรรมเนียม โดยมีค่าค่าธรรมเนียมดังนี้

          ** ทำใจให้สบายอย่าตื่นเต้นครับ


          ค่าธรรมเนียมในการขอใบอนุญาต สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว รวม 205 บาท ดังนี้
                      1. ค่าธรรมเนียมขอมีบัตร          5 บาท
                      2. ค่าทำใบอนุญาต                100 บาท
                      3. ค่าถ่ายรูป                          100 บาท

3 ความคิดเห็น:

  1. ละเอียดมากค่ะ....ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้

    ตอบลบ
  2. ต้องขอใบรับรองถิ่นที่อยู่มั้ยครับ

    ตอบลบ
  3. ขอสอบถามหน่อยค่ะ แบบฟอร์มเราสามารถดาวโหลดได่ที่ไหนคะ ขอบคุณร่วงหน้าค่ะ

    ตอบลบ