ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่าการมีใบอนุญาตขับขี่เป็นเหมือนเบิกทางบนท้องถนนและใช้รักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ขับขี่ เอง เช่น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน หากเราไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกิดกับคู่กรณีที่มีใบอนุญาตขับขี่ ยังไงเราก็ผิดถึงแม้เหตุที่เกิดเราจะถูก (แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถบนท้องถนน) ข้อนี้เจ็บ
2. ใบขับขี่ที่ทำเราสามารถนำไปใช้ขับในกลุ่มประเทศอาเซียนได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต
ขับขี่ระหว่างประเทศ (Internation Driving Permit)
- ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม
- ประเทศกัมพูชา
- ประเทศอินโดนีเซีย
- ประเทศลาว
- ประเทศมาเลเซีย
- ประเทศเมียนมาร์ (พม่า)
- ประเทศฟิลิปปินส์
- ประเทศสิงคโปร์
- ประเทศเวียดนาม
- ประเทศไทย
สำหรับชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนก็สามารถขอทำใบอนุญาตขับขี่ได้ โดยเครื่องที่ใช้สอบภาพทฤษฎี (ข้อเขียน) เครื่องจะมีให้เลือก 4 ภาษา คือ
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกกฤษ
- ภาษาจีน
- ภาษาเกาหลี
อันนี้ใครถนัดภาษาไหนก็สามารถเลือกได้ตามใจครับ แต่ในบทความนี้มีเฉพาะภาษาไทยนะครับ ^^
ผู้ที่สามารถยืนขอใบอนุญาตขับขี่ได้
- สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 110 ลูกบาศก์เซนติเมตร ต้องอายุ 15 ปีบริบูรณ์
- สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว และรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดกระบอกสูบเกิน 110 ลูกบาศก์เซนติเมตร ต้องอายุ 18 ปีบริบูรณ์
คุณสมบัติของผู้ต้องการขอสอบใบขับขี่
1. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
2. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนไม่สามารถขับรถได้
3. ต้องไม่มีโรคประจำตัวที่วิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าเป็นอันตรายต่อการขับขี่
4. ไม่มีใบขับขี่รถชนิดเดียวกัน
5. เป็นผู้ที่ไม่ถูกยึดหรือ เพิกถอนใบขับขี่
6. มีความรู้ในการขับขี่และกฏระเบียบในการขับขี่
หลักฐานในการสอบใบขับขี่
สำหรับคนไทยเอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบในการทำใบขับขี่มีแค่ 3 อย่าง คือ
1. บัตรประชาชาตัวจริง
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
* หากท่านได้มีการเปลี่ยนชื่อให้นำ ใบเปลี่ยนชื่อพร้อม
สำหรับชาวต่างชาติเอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบในการทำใบขับขี่มีแค่ 3 อย่าง คือ
1. หนังสือเดินทาง (Passport)
2. สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport Copy)
3. ใบรับรองแพทย์ (Medical certificate)
1. ตรวจสอบเอกสาร และ ยืนเอกสารและคำขอ
2. ทดสอบร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฎิกิริยาเท้า (ปฏิกิริยาการเบรค)
3. อบรมไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
4. ทดสอบข้อเขียนผ่านระบบ Electronic Examination (E-exam)
5. ทดสอบการขับขี่ตามด่านต่าง ๆ
6. ยืนเอกสารสอบ/ชำระค่าธรรมเนียม/ถ่ายรูปรับใบขับขี่
ขั้นตอนที่ 1 การจองคิวสอบใบอนุญาตขับขี่ และตรวจสอบเอกสาร และ ยืนเอกสารและคำขอ
ผู้สอบใบอนุญาตขับขี่ควรไปจองคิวแต่เช้า สำหรับสำนักงานขนส่งที่มีผู้สอบจำนวนจำนวนมาก (เพราะเจ้าหน้าที่จะเลือกตามหมายเลขคิวที่ได้) ไม่มีการแซงคิวและไม่มีการจองคิวแบบออนไลน์ต้องไปรับคิวที่สำหรับสำนักงานขนส่งเท่านั้น เมื่อผู้สอบไปถึงสำนักงานขนส่งแล้วให้ไปขอรับ "แบบคำขออื่น ๆ" ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไปกรอกความประสงค์ให้เสร็จก่อน (ควรนำปากกาไปด้วยเพราะบางที่คนมาสอบเยอะมาก ๆ ไม่ต้องไปต่อคิวปากกาอีก) และเมื่อกรอกเสร็จแล้วก็นำแบบคำขออื่น ๆ พร้อมกับบัตรประชาชาตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน และบรับรองแพทย์แนบให้เรียบร้อยแล้วกลับมายืนให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อรับบัตรที่คิว แล้วเอาไปส่งเจ้าหน้าที่เรียกตรวจเอกสารอีกรอบตัวอย่างแบบคำเนินการใบนุญาตขับรถ
(บางสำนักงานขนส่งไม่ต้องจองคิว เนื่องจากมีผู้เข้าใช้บริการน้อยสามารถไปใช้บริการได้เลย)
ขั้นตอนที่ 2 ทดสอบร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี (ทดสอบตาบอดสี) ที่จำเป็นในการขับรถ
แผ่นภาพการทดสอบการมองเห็นสี (ทดสอบตาบอดสี)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฎิกิริยาเท้า (ปฏิกิริยาการเบรค)
เมื่อผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายแล้วผู้สอบถึงจะมีสิทธิเข้ารับการอบรม
ขั้นตอนที่ 3 นั่งสั่งการอบรม
เวลานี่ผมใช้ทบทวนความรู้ และอ่านสอบอีกหลาย ๆ รอบ
เมื่อฟังการอบรมจบแล้วต่อไปก็ถึงเวลาที่รอคอยการทดสอบข้อเขียน
ขั้นตอนที่ 4 ทดสอบข้อเขียนผ่านระบบ Electronic Examination (E-exam)
ความรู้ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำข้อสอบ
"สามารถคลิ๊กเข้าไปอ่านได้ มีเฉลยให้เลยครับ"
1. กฎหมายว่าด้วยรถยนต์
2. กฏหมายว่าด้วยจราจรทางบก
3. เครื่องหมายพื้นทาง
4. ป้ายบังคับ (จะมีในข้อสอบเยอะมาก 8 - 10 ข้อ)
5. ป้ายเตือน (จะมีในข้อสอบเยอะมาก 8 - 10 ข้อ)
6. ป้ายแนะนำ (จะมีในข้อสอบเยอะมาก 8 - 10 ข้อ)
7. มารยาทและจิตสำนึก
8. เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย
9. การบำรุงรักษารถ
10. รูปภาพจราจร
11. การรับรู้สถานการณ์อันตราย
** นำแนะว่าถ้าใครมี iPad หรือ Tablet ช่วงที่นั่งฟังอบรมให้เปิดแนวข้อสอบนี้ทบทวนไปด้วยครับ**
ถ้าใครสนใจสามารถลองทดสอบความรู้ตัวเองสามารถเข้าไปที่
ข้อสอบภาคทฤษฎีที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบกได้ที่นี้ครับ
กรมการขนส่งทางบก
ตัวอย่างข้อสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎี 50 ข้อ (ข้อสอบจริงที่ผมเคยสอบ)
** ทำใจให้สบายอย่าตื่นเต้นในการทำข้อตอบคุมสติให้อยู่ เพราะบางคนอาจจะมีอาการตื่นเต้น
เมื่อสอบข้อเขียนผ่านจะได้ใบคะแนนมา 1 แผ่นพร้อมลายเซนต์เจ้าหน้าที่ หมดเวลาการสอบวันแรก พรุ่งนี้กลับมาสออบการขับขี่
ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบการขับขี่ตามฐานต่าง ๆ
การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
และสอบอีก 3 ท่า คือ
ท่าที่ 1 การเดินหน้า
ท่าที่ 2 การถอยหลังเข้าจอด
ท่าที่ 3 จอดรถเทียบทางเท้า (หลายคนสอบตกก็ท่านี้)
** ลองเข้าไปชมคลิปที่แป๊ะไว้ในลิงค์นะครับ
เมื่อสอบผ่านหมดแล้ว
แบบคำเนินการใบนุญาตขับรถที่ได้ทำการทดสอบผ่านหมดแล้ว
ขั้นตอนที่ 6 ยืนเอกสารสอบ/ชำระค่าธรรมเนียม/ถ่ายรูปรับใบขับขี่
เมื่อเสร็จจากขั้นตอนที่ 5 (ต้องผ่านการทดสอบทั้งหมด) นำเอกสารกลับมารับบัตรคิวและรอชำระค่าธรรมเนียม โดยมีค่าค่าธรรมเนียมดังนี้
** ทำใจให้สบายอย่าตื่นเต้นครับ
ค่าธรรมเนียมในการขอใบอนุญาต สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว รวม 205 บาท ดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมขอมีบัตร 5 บาท
2. ค่าทำใบอนุญาต 100 บาท
3. ค่าถ่ายรูป 100 บาท
ละเอียดมากค่ะ....ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้
ตอบลบต้องขอใบรับรองถิ่นที่อยู่มั้ยครับ
ตอบลบขอสอบถามหน่อยค่ะ แบบฟอร์มเราสามารถดาวโหลดได่ที่ไหนคะ ขอบคุณร่วงหน้าค่ะ
ตอบลบ